ล้างบาง ล้างบาป
ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือ ระดับอธิบดี ปลัดกระทรวง คำพูดที่เราได้ยินจากสื่อก็คือ... ย้ายล้างบาง เด้ง ดัน ดึง สวม คำเหล่านี้ได้ยินจนชาชิน แล้วก็เลยลืมนึกถึงอะไร ๆ อีกหลายอย่างที่เป็นผลดีผลร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่า... "ล้าง"
ล้าง เป็นกริยาที่ทำให้สิ่งสกปรกหมดไปและเพื่อทำความสะอาด ตกแต่งสิ่งดี ๆ ให้เกิดใหม่ แต่คำนี้ก็มีการใช้ที่มีความหมายไม่ตรงกับหน้าที่ "ล้าง" ทุกครั้งไป เช่น...
ล้างตา คือ เมื่อมีผงเข้าตาหรือตาฝ้าฟาง ก็ต้องเอาน้ำหรือยามาล้างให้ผงหลุดเพื่อจะได้มิระคายเคืองตา แต่ก็มาใช้กับวงการกีฬา เช่น นักมวยคนนี้มีนัดชกล้างตากับคู่ชกเดิมที่เคยชนะไปแล้ว นั่นแสดงว่าทุกครั้งที่ผู้แพ้เห็นตัวเห็นรูปของผู้ที่เคยชนะตนแล้ว เกิดอาการเหมือนผงเข้าตา ต้องกลับไปชนะให้ได้ จึงมีการชก "นัดล้างตา"
ล้างใจ คือ มีความคับข้องใจ คับแค้นใจ จะต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน เลยต้องมีการนัดแนะกันเพื่อล้างตะกอนที่นอนใจ เช่น เพื่อนกันจับหญิงคนเดียวกัน เกิดความระแวงสงสัยว่าหญืงคนนี้จะขอบใครกันแน่ เพื่อนกันก้นัดกันเองและนัดหญิงคนนั้นเพื่อสอบถามควมจริงเรีกยว่า "ล้างใจกัน"
ล้างครัว คือ เมื่อเห็นครัวเรือนสกปรกก็จัดแจงกวาด ล้างขัด กำจัดสิ่งปฏิกูลในครัว สิ่งใดควรเก็บก็เก็บ สิ่งใดควรทิ้งก็ทิ้ง แต่ก็นำมาใช้กับการที่เมื่อคนมีความแค้นต่อกันแล้ว ฆ่าคนในครัวเรือนทั้งหมด อย่างนี้เรียกว่า "ฆ่าล้างครัว"
ล้างคลอง คือ เมื่อแม่น้ำลำคลองเกิดสวะ ฝักตบชวาเกต็มลำคลองก็นัดคนที่อยู่ริมคลองช่วยกันทำควมสะอาดด้วยเก็บและรักษาให้แม่น้ำลำคลองสะอาด มีน้ำสะอาด สภาพสะอาด แต่ก็มีบางคนอยากได้ปลาในคลอง แทนที่จะตกปลา ทอดแห ลากอวน ก้เลยใช้สารพิษ ยาพิษ ผสมเหยื่อเทลงในคลอง เมื่อปลากินเหยื่อหรือสารพิษแพร่ลงในน้ำ ปลาทั้งคลองก็ตาย เรียกว่า "ตายล้างคลอง"
ล้างแค้น คือ เมื่อมีฝ่ายทำร้าย ทำลาย จนถึงกีดกันทางการอาชีพ หรือ ฆ่ากันเหยียดหยามกัน อีกฝ่ายหนึ่งไม่สามารถให้อภัยได้ต้องทำตอบแทนด้วยวิธีการเดียวกันหรือรุนแรงกว่าจนถึงฆ่า ฝ่ายหลังเรียกว่า "ผู้ล้างแค้น" ฝ่ายที่กระทำก่อนเรียกว่า "ถูกล้างแค้น" ซึ่งความเป็นจริงแล้วก็คือ "เติมแค้น"
ล้างไคล คือ การขัดสิ่งปฏิกูลออกจากร่างกายคนซึ่งเรียกว่า "ขี้ไคล" หรือการขจัดสิ่งปฏิกูลเช่นเห็นเชื้อราออกจากวัตถุหรือสิ่งก่อสร้าง เช่น โบสถ์ เสมา สถูป เรียกว่า "ล้างไคล" ก็ทำให้ดูเอียมอ่องผ่องตา
ล้างบาป คือ การที่คนทำบาปมาก ๆ ต่อคน สัตว์ หรือ องค์กร ครั้นสำนึกได้แล้วก็ทำความดีเพิ่มขึ้นทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เรียกว่า "ทำดีล้างบาป"
ล้างกรรม คือ ได้เคยสร้างกรรมแล้วมีใจคิดชดใช้กรรมนั้น ยอมรับกรรมด้วยการติดคุก หรือ ถูกประหารชีวิต ใจที่ยอมรับน้ำนั้นเกิดความคิดที่ว่า .... ล้างกรรมกันเสียที
บางกรณีก็อาจจะเป็นเรื่องของคนที่เคยติดคุกติดตะราง ครั้นพ้นโทษออกมาแล้วก็ติดกลับตัวคิดหามงคลใส่ตัว จึงเข้าบวชเป็นพระเณร เรียกว่า "บวชล้างกรรม"
ล้างทุจริต คือ การที่มีคนกระทำทุจริตกันมาก แล้วก็เกิดมีคนสุจริตเห็นว่าจะเป็นความหายนะแก่บุคคลและองค์กร ก็ตั้งกระบวนการจับทุจริต นำคนทำผิดมาลงโทษ เมื่อกระทำได้สำเร็จแล้วชื่อว่า "ล้างทุจริต"
ล้างกรรม ล้างบาง ล้างกระทรวง คือ การที่ในองค์กรนั้น ๆ เปลี่ยนแปลงผู้บังคับบัญชา เพื่อต้องการทำการกำจัดคนเก่าออกไป ต้องการนำคนใหม่ของตนเข้ามา จึงต้องมีการโยก และ ย้าย อย่างขนานใหญ่ อย่างนี้เรียกว่า "ล้างกรรม ล้างบาง ล้างกระทรวง"
ล้างผลาญ คือ การใช้ทรัพย์สินของตน ของคนอื่น และ ของชาติ อย่างสิ้นเปลืองโดยไม่มีผลประโยชน์กลับมาทดแทนทรัพย์สินที่ใช้ไปแล้วนั้น อย่างนี้ก็ได้ชื่อว่า "ล้างผลาญ" เช่น รัฐบาลคณะนั้นผลาญงบประมาณของชาติ เป็นต้น
ล้างชาติ คือ คนที่ไม่รักชาติเป็นเส้นสายให้คนต่างชาติเข้าทำลายยึดดินแดนถิ่นปิตุชาติมาตุภูมิของตนเอง เมื่อชาติถูกยึดครองโดยคนชาติอื่น ทรัพย์สินของชาติถูกกอบโกยจนหมดสิ้น อย่างนี้เรียกว่า "ล้างชาติไ
ล้างมีสารพัดที่จะกล่าวถึง แต่สำหรับการล้างบางนั้นเป็นเรื่องที่จะต้องคำนึงนึกถึงให้จงหนักว่า ทำเพื่อใคร ? และ ทำเพื่ออะไร ? และต้องเข้าใจเสมอว่าผู้ที่จะล้างนั้นจะต้องสะอาดกว่าผู้ที่ถูกล้าง ถ้าผู้ที่ถูกล้างสะอาด แต่ ผู้ล้างเลวกว่าสกปรกกว่า คนเขาดูเขาก็จะสงสารคนที่ถูกล้างคือถูกเด้ง ย้าย ปลด แล้วคนดูเขาก็จะสมเพชการกระทำของที่ล้างบาง นอกจากสมเพชแล้วก็จะพากันสาปแช่งสาปส่ง คนเราถ้าถูกคนดีมีศีลธรรมเขาสาปแช่งสาปส่งโดยที่ตนเองไม่รู้ตัว ความวิบัติที่เกิดก็จะเกิดโดยไม่รู้ตัว ทั้งแก่ตัวเอง ครอบครัว พรรค พวก
ข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมือง ต้องตระหนักในความสุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ให้มั่นคง อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ข้าราชการประจำก็ควรคิดว่า "เราเป็นคนของพระราชา"จะต้องไม่เห็นข้าราชการเป็นผู้บังคับบัญชา"จนต้องพินอบพิเทาคุกเข่ากราบตีนนักการเมืองเมื่อขอยืนอยู่ในตำแหน่ง หรือ ขอย้ายเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง มันเป็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน
ข้าราชการการเมือง จะต้องไม่เบียดเบียนข้าราชการประจำที่ดี ต้องรู้ว่า"คนมาจากประชาชน"แล้วจึงมา "เป็นคนของพระราชา"การมาของพวกคุณเป็นอย่างไรคนรู้ตัว จะต้องให้เกียรติข้าราชการ
การย้าย การโยก การยืน การยืนในความเป็นข้าราชการนั้น ขอให้ท่านผู้เป็นข้าราชการการเมือง และข้าราชการประจำ พึงสังวรระวัง"คนมหาภัย"ในองค์กรนั้น ๆ ไอ้พวกคนมหาภัยนี้มันมีคำพูดติดปากมันอยู่ 5 คำ คือ.....
ได้ครับพี่ | ดีครับผม |
เหมาะสมครับนาย | ฉิบหายผมหนี |
ได้ดีผมกลับ | หมดทรัพย์ผมทิ้ง |
พระราชวิจิตรปฏิภาณ (เจ้าคุณพิพิธ)
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม