ปริศนา...?? เพื่ออนาคต
เมื่อใกล้เวลาที่นักเรียนชั้น ม.6 จะจบการเรียน หลายโรงเรียนก็มีพิธีปัจฉิมนิเทศ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่นักเรียนที่จะเข้าสู่การศึกษาในระบบมหาวิทยาลัย ในพิธีนั้น ๆ ก็มักจะมีพระสงฆ์ไปให้โอวาท ทำคล้ายพระฤาษีให้โอวาทแก่ลูกศิษย์ที่จบการศึกษาแล้วกลับสู่ บ้าน เมือง
โรงเรียนก็หวังว่าพระจะให้คติธรรมแก่นักเรียนให้จำและนำไปปฏิบัติเพื่อความสำเร็จและความก้าวหน้า พระสงฆ์ก็หาข้อคิดเป็นคติธรรมเพื่อให้นักเรียน "จำให้แม่น ปฏิบัติให้มั่น" ข้อคิดนั้นก็ควรที่จะจำได้เร็ว ติดจิตใจของนักเรียนนักศึกษาได้นาน แล้วก็ควรที่พระสงฆ์จะพิมพ์ข้อคิดซึ่งเป็นหัวใจของเรื่องที่ให้โอวาทมอบแก่นักเรียนเพื่อไปติดไว้เตือนใจที่บ้าน จึงใคร่ขอมอบคติธรรมไว้สำหรับนักเรียนที่จะก้าวไปเป็นนักศึกษา หรือ สำหรับผูปกครอง ครู และพระสงฆ์ที่จะกล่าวเตือนใจให้โอวาท เพื่อบอกให้ท่องหัวข้อให้ครบแล้วก็อธิบายให้นักเรียน ดังนี้..
ตั้งใจเรียนให้เหมือนกับเพียรร้องเพลง |
จำหนังสือให้เก่งเหมือนจำคำนินทา |
อยากพบหน้าครูเหมือนอยากดูดารา |
เก็บหนังสือที่มีค่าเหมือนกับว่าเก็บเพชรทอง |
สถาบันบันเทิงจงเห็นว่าเป็นเพลงนรก |
หนังลามกจะพาเราให้เศร้าหมอง |
เพื่อนชั่วจงเห็นว่าเป็นตัวเงินตัวทอง |
ยาเสพติดจงมองเห็นว่าเป็นยาตาย |
นอนดึกคือข้าศึกที่พ่ายแพ้ |
ความเชือนแชคือศัตรูผู้สร้างความเสียหาย |
การใช้เงินไม่ประหยัดคือความวิบัติวอดวาย |
การไม่รักษาร่างกายคือความพ่ายทุกกรณี |
ในข้อคิดทั้ง 12 ประการนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนที่จะก้าวไปสู่การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งถือว่าเป็นหนทางสูดวงดาว คือ ยูนิเวอร์ซิตี้ ซึ่งความเป็นจริงแล้ว เมื่อนักเรียนกลายสภาพเป็นนักศึกษา วิถีชีวิตของเขาจะเข้าสู่..."ยูนิเวอส" ดุจดั่งดวงดาวที่ลอยล่องในระบบจักวาล เขาจะเป็น "ดาวฤกษ์" หรือ "ดาวเคราะห์" ก็อยู่ที่โอวาท ไม่ใช่อยู่ที่ประสาทพร อยู่ที่เขาศัทธาตัวผู้ให้โอวาท จำแม่นแล้วปฏิบัติมั่น
นอกจากข้อปฏิบัติแล้วยังมีข้อคิดที่ควรผูกเป็นปริศนาให้เขาได้จำติด และ คิดใคร่ครวญ...ซึ่งวิธีการของคนโบราณนั้นท่านนิยมสอนด้วยปริศนา ปริศนาเป็นเรื่องที่ต้องผูกและเป็นเรื่องที่ต้องทาย เพราะปริศนามีกลมากมาย
วิธีการบอกปริศนานั้นก็บอกให้จบเสียก่อน ขณะที่บอกให้ท่องนั้นก็ให้เด็กเขาท่องทบทวนและขอให้เขาคิดว่า....น่าจะเป็นอะไร ? จากนั้นก็ค่อยเฉลย เหมือนอย่างโบราณท่านสอนคู่ บ่าว - สาว ที่แต่งงานว่า...
มีวัวมีควายจงใช้ให้แหลก |
มีเมียมีผัวตีหัวให้แตก |
แขกมาอย่าเปิดประตูรับแขก |
ปริศนาทั้ง 3 ข้อนั้น เฉลยดังนี้ "มีวัวมีควายใช้ให้แหลก" คือ มือเหมือนวัว เท้าทั้งคู่เหมือนควาย วัวไม่กลัวแดด ควายไม่กลัวดิน ไม่กลัวเปื้อนขี้โคลน เกิดมาเป็นคนอย่ากลัวแดดกลัวฝน สร้างตนอย่างบุกบั่นเหมือนวัวควาย
ข้อที่ว่า "มีเมียมีผัวตีหัวให้แตก" คือ เมื่อแต่งงานแล้ว จงใช้หัวคิดรวมกันตีปัญหาและอุปสรรคให้แตก ทั้งสองฝ่ายต้องปรึษหาลู่ทางทำมาหากิน หากเหิดปัญหาจงหันหน้าปรึกษากัน ใครมีเหตุผลที่ดีก็จงเลือกเอาความคิดของผู้นั้นเป็นหลัก
ข้อที่ว่า "แขกมาอย่าเปิดประตูรับแขก" คือ ความเกียจคร้าน ความตามใจตน การอยากเที่ยวแหล่งอบายมุข ความขี้โกรธ หูเบา เป็นแขกที่จะทำให้ครอบครัวยากจน แตกร้าว หายนะ อย่าเปิดประตูใจรับแขกแล้วให้นอนอยู่ในห้องใจ อีกทั้งเพื่อนชั่วก็อย่าเชื่อ อย่าเกรงใจ และอย่าตามใจตามเพื่อนไปสู่แหล่งอบายมุข
ครั้งสมัยที่อยุธยาเป็นราชธานี พระมหากษัตรย์เมื่อมีพระราชประสงค์จะทดสอบภูมิรู้ทางปรัยติและปฏิบัติของพระมหาเถระ ก็จะทรงผูกปริศนาธรรมส่งไปถวาย พระสงฆ์จะประชุมกันพิจารณาแล้วเขียนตอบพระราชปุจฉาถวายพระมหากษัตริย์ ก็อาจยึดแนวทางมาจากการที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทำนายสุบินนิมิตของพระเจ้าปัสเสนทิโกศล หรือ การซักปัญหาระหว่างพระกุมารกัสสปะ กับ พระเจ้าปายาสิ หรือ การโต้กันระหว่างพระนาคเสน กับ พระยามิลินท์ ซึ่งอยู่ในหนังสือมิลินทปัญหา (ควรอ่านสำนวนเดิม) วิธีการนี้กระบวนการศึกษาและวินิจฉัยธรรมของพระสงฆ์และภิกษุณีธิเบตยังให้ปฏิบัติอยุ่ (เรียกว่าอะไรจำไม่ได้ แต่เคยดูในดีวีดีที่จัดทำโดย บ.พานอรามา) แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีพระราชปุจฉามานานแล้ว หรือบางทีพระสงฆ์สงสัยก็จะถวายพระมหากษัตริย์เพื่อขอทราบพระบรมราโชบาย
ในครั้งกรุงศรีอยุธยายังรุ่งเรืองก้มี "ปริศนาพยากรณ์" คราวเมื่อถึงต้นรัตนโกสินทร์ก็ยังคงเคยเห็นปริศนาพยากรณ์ เมื่อครั้งยังเป็นสามเณร เดินทางจากอำเภอเสนา (บ้านแพน" อยุธยา มาทางเรื่อด่วน ขี้นที่ท่าเตียน นั่งรออาจารย์อยู่ที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพ ฯ ก็ได้อ่านปริศนาชะตาโลก ซึ่งเพียรสอบถามอาจารย์ว่า "มันหมายความว่าอย่างไร ?" อาจารย์ก็ตอบว่า "มันเป็นปริศนา ถ้าไม่คิดก่อน มันก็ไม่เป็นปริศนา แต่ขอให้เณรรู้ว่าสิ่งทั้งหมดนี้ผมตายก่อน แต่เณรจะต้องพบอย่างแน่นอน" ปริศนาชะตาโลกน้นมีอยู่ดังนี้...
ฝูงหงส์จะลงหนอง | หงส์ทองจะเป็นกา |
เสือเผ่นจะเป็นหมา | พยัคฆาจะทิ้งไพร |
พระฤาษีจะหนีถ้ำ | อันหนองน้ำจะแห้งไป |
ปฐมีจะเป็นไฟ | ชลาลัยจะไร้ปลา |
อัคคีไม่มีแสง | พระพายแรงไม่พัดพา |
สกุณีเป็นสกุณา | กุมาราเป็นกุมารี |
นอกจากนั้น ท่านเจ้าคุณพระธรรมรัตนดิลก (เชิด จิตฺตคุตฺโต ป.ธ.9 ) คณะ 1 วัดสุทัศน์ ฯ ท่านเคยพูดให้ฟังเมื่อราว พ.ศ.2515-2516 วามีผู้เขียนพยากรณ์เรื่องศาสนกับมนุษย์ไว้ ท่านบอกว่าจำคนเขียนไม่ได้ แต่เขาเขียนไว้ดังนี้ว่า..
ศาสนา | ชักจะเรียว | แล้วเดี๋ยวนี้ |
กุมารี | เพิ่มพราก | จุกจากหัว |
ดูคายคม | หัวนม | เท่าเม็ดบัว |
พูดเรื่องผัว | ชอบใจ | กระไรเลย |
อ้อมค้อมอ้อมคุ้งอ้อมทุ่งมาเสียนาย ยังไม่ได้บอกปริศนาเพื่ออนาคตเลย เอาเป็นอันว่าครั้งหน้ามาดูกันมาทายกันซิว่าปริศนาอนาคตมีอะไรบ้าง ? และ มันคืออะไร ? มีผลต่ออนาคตอย่างไร ?
พระราชวิจิตรปฏิภาณ (เจ้าคุณพิพิธ)
16 กุมภาพันธ์ 2552