ตั้งใจ สมานฉันท์ หรือ ฟาดฟัน รอบใหม่

จากกรณีแห่งความขัดแย้งทางการเมือง จนเกิดเป็นปัญหาความแตกแยกสามัคคีของบ้านเมือง  ทำให้มองเห็ว่า..."ไอ้ที่พูดว่าทำเพื่อบ้านเมือง ก็คือ ทำเพื่อมัน และทำเพื่อลูกผัวลูกเมีย"....เป็นการกระทำต่อบ้านเมืองที่ขาดความละอายใจเป็นอย่างยิ่ง

          การบริหารของรัฐบาล เมื่อเริ่มเข้ามาก็ประกาศ "แจก"  ทั้ง ๆ  ที่เงินก็ไม่มีหาเงินก็ไม่เป็น  พอหมดหน้าตักก็ไปกู้จากต่างประเทศมาอีก 8 แสนล้าน  เอามาถลุงกันเพื่อสร้างภาพว่า "ข้าก็ไม่ด้อยไปกว่ารัฐบาลที่แล้ว" ประชาชบบางกล่มก็ยินดีกับากรเรียนฟรีที่ด้อยคุณภาพทางการศึกษา โรงเรียนเป็นเพียงแค่โรงอาหารและสถานสงเคราะห์ หาใช่สถาบันการศึกษาที่จะพัฒนาเยาวชนสู่การพึงพาตนเอง และเป็นกำลังของชาติในอนาคตไม่

          เอ้า... แจกเงินกันรายละ 2 พันบาท  ตอนนี้ได้มีการติดตามประเมินผลของเงินทั้งหมดว่า  ได้สร้างอะไรให้กับประเทศชาติบ้าง คำตอบก็คือ..."รัฐบาลใจดี สร้างหนี้ให้แก่ประเทศชาติ"...วันใดที่หมดสภาพเป็นรัฐบาล หนี้สามานย์ก็ยังคงกองอยูกับประเทศชาติ  สงสารข้าราชการ คนทำงานสุจริต พ่อค้า  ที่ต้องถูกรัฐบาลถอนขนห่าน คนเสียภาษีโดยสุจริตไม่ได้รับการดูแล แต่คนที่ขายสินค้าหนีภาษีกลับมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องป้องกันและแบ่งปันผลประโยชน์เข้าตัว  (ใช่....ไม่ใช่....พ่อแม่พี่น้อง)

          ทางการเมืองในฝ่ายรัฐบาลตั้งใจที่จะ "สมานฉันท์" แต่เวลาที่โฆษกรัฐบาล (ขณะนี้ก็ยังไม่กล้าที่จะรับตำแหน่งเต็มตัว เป็นเพียงรักษาการ  มันมีอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่า) แถลงข่าวก็เห็นมีแต่สร้างความแตกแยกให้แก่สังคม ผลงานของรัฐบาลไม่มี ก็เลยต้องคอยโจมตีฝ่ายอื่น เมื่อสร้างชอบธรรมบนความเกลียดชังอีกฝ่ายหนึ่ง อีกทั้ง "โฆษกประตัวนายกรัฐมนตรี"พูดทีไรฉิบหายทุกที ทั้งหน้าตา กิริยา ท่าทาง ดูม่ไม่น่าที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อนายกฯ คนจำนวนไม่น้อยที่พูดแนะ ติติง การพูดของ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ว่าเป็นดวงตา ท่าทางที่เยาะเย้ย  เสียดสี เหยียดหยาม แต่ลองดูโฆษกประจำตัวของนายกอภิสิทธิ์  เขามีท่าทางอย่างไร ?  เขานำความขัดใจ หรือทำความเข้าใจ มาสู่สังคม  อีกทั้งโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ทำหน้าที่อะไรในภาวะการที่ประเทศชาติต้องการการสมานฉันท์  จึงได้ยินคนทั่วไปเขาพูดถึงบรรดาโฆษกที่ทำหน้าที่แบบนี้ทุกรัฐบาลว่า...โฆษกปรก โฆษกกะแบ โฆษกกะ ป...ย.   ที่พูดนี้หวังว่าจะได้รับความขุ่นเคือง แต่ใครก็ตามที่จะเป็นโฆษกจงคิดเถิดว่าท่านเป็นผู้มีหน้าที่จะต้องพูดให้ประชาชนเขาได้รับประโยชน์ 4 ประการ คือ...

 

พูดให้เกิดปัญญา             (สันทัสสนะ)
พูดให้กล้าปฏิบัติ               (สมาทปนะ)
พูดให้กำจัดความชั่ว          (สมุตเตชนะ)
พูดให้กลั้วเสียงหัวเราะ       (สัมปหังสนะ)

 

           การสมานฉันท์โดยหลักของศาสนาและสังคมโลก อยู่ที่หลัก   4   ประการ  คือ...

 

รู้ความพลั้งผิดที่กระทำไป
ขอโทษ
ให้อภัย
ไม่ขุดคุ้ยเรื่องเก่า